ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการนอนให้เพียงพอหรือการนอนหลับให้มีคุณภาพ แต่สงสัยไหมว่าคุณภาพการนอนวัดจากอะไร? หนึ่งในตัวชี้วัดก็คือ REM Sleep โดย REM Sleep คือระยะของการหลับที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวงจรของการนอนหลับจะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงคุณภาพการนอนและมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว
สารบัญบทความ
- ระดับของการนอน (Sleep Stages) แต่ละช่วงทำงานอย่างไร?
- REM Sleep มีความสำคัญอย่างไรต่อสมองและร่างกาย?
- 5 วิธีเพิ่มค่า REM Sleep ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกคน
- อันตรายจากการนอนหลับไม่เพียงพอที่อาจส่งผลเสียโดยไม่รู้ตัว
- “ที่นอน” อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพื่อคุณภาพในการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ
ระดับของการนอน (Sleep Stages) แต่ละช่วงทำงานอย่างไร?
การนอนหลับเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับ ในหัวข้อนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงระดับของการนอน (Sleep Stages) ในแต่ละช่วง เพื่อให้คุณเข้าใจการนอนหลับมากขึ้น
REM Sleep ประตูสู่โลกแห่งความฝันและจินตนาการ
REM Sleep คือ Rapid Eye Movement Sleep หรือระยะการนอนหลับที่มีการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็วใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท โดยช่วงเวลานี้แตกต่างจากการนอนระยะอื่น เพราะแม้ร่างกายหยุดนิ่ง แต่ระยะ REM Sleep สมองกลับทำงานคล้ายกับตอนที่เราตื่น จึงเป็นช่วงที่มีบทบาทสำคัญในการประมวลผลความทรงจำ เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้สมองจัดระเบียบข้อมูลที่ได้รับระหว่างวัน ทำให้ REM Sleep เป็นระยะการนอนที่จำเป็นต่อสุขภาพสมองและพัฒนาการของร่างกาย
NON-REM Sleep ช่วงเวลาของการฟื้นฟูร่างกาย
NON-REM Sleep คือช่วงการนอนที่ตรงข้ามกับ REM Sleep เป็นระยะที่ดวงตาไม่เคลื่อนไหว คลื่นสมองช้าลง การหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หัวใจเต้นช้า ซึ่งในแต่ละคืนร่างกายจะสลับไปมาระหว่าง NON-REM Sleep และ REM Sleep โดย NON-REM Sleep แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- NON-REM Sleep ระยะที่ 1 เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากตื่นสู่หลับใช้เวลา 1-5 นาที อาจมีอาการกระตุกหรือสะดุ้ง
- NON-REM Sleep ระยะที่ 2 เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มสงบ อุณหภูมิลดลง กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากขึ้น
- NON-REM Sleep ระยะที่ 3 หรือช่วงหลับลึก เป็นระยะที่ร่างกายและสมองพักฟื้น การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ลดลง
REM Sleep มีความสำคัญอย่างไรต่อสมองและร่างกาย?
การนอนหลับที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะช่วง REM คือระยะที่สมองทำงานคล้ายตอนตื่น โดยความสำคัญของ REM Sleep มีดังนี้
- REM Sleep ช่วยจัดการอารมณ์และความเครียด ทำให้เมื่อตื่นขึ้นมาสภาพจิตใจจะสดชื่นขึ้น
- REM Sleep เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ได้มุมมองใหม่ ๆ และกระตุ้นความคิดนอกกรอบ
- REM Sleep ช่วยพัฒนาความจำ เนื่องจากจะเกิดกระบวนการถ่ายโอนข้อมูลจากความจำชั่วคราวสู่ความจำถาวร
- ระยะ REM Sleep ช่วยให้ร่างกายเรียนรู้ทักษะใหม่ได้ดี และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ได้มากขึ้น
5 วิธีเพิ่มค่า REM Sleep ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกคน

REM Sleep คือระยะของการนอนหลับที่ช่วยฟื้นฟูสมองและสร้างความจำ หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพช่วงเวลาอันมีค่านี้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาหรืออุปกรณ์ราคาแพง ซึ่งมีวิธีดังนี้
1. ปรับเวลานอนให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน
การกำหนดเวลานอนที่เหมาะสมและทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มค่า REM Sleep โดยเราสามารถเริ่มจากการตั้งเวลาตื่นนอนให้คงที่ทุกวัน แม้จะนอนดึกก็ไม่ควรตื่นสาย หลีกเลี่ยงการงีบหลับตอนกลางวัน เพียงไม่กี่สัปดาห์ร่างกายจะเริ่มจดจำรูปแบบการนอน ทำให้เข้าสู่วงจรการนอนหลับและ REM Sleep ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นยาวิเศษที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของ REM Sleep โดยเฉพาะการออกกำลังกายในช่วงเช้าจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย เมื่อถึงกลางคืน อุณหภูมิร่างกายที่ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งนี่จะเป็นการส่งสัญญาณให้สมองรู้ว่าถึงเวลาพักผ่อน โดยควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงก่อนนอน เพราะอาจเป็นการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติมากเกินไป
3. สร้างบรรยากาศการนอนที่เหมาะสม
การสร้างบรรยากาศการนอนที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่ม REM Sleep และส่งเสริมการนอนหลับที่ถูกวิธี โดยควรสร้างบรรยากาศห้องนอนในโทนสีเข้ม เพื่อลดการรบกวนจากแสงที่อาจกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ควบคู่กับการติดตั้งม่านกันแสง และรักษาอุณหภูมิห้องให้พอเหมาะ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงสีฟ้าจากหน้าจอรบกวนการทำงานของร่างกาย
4. บำรุงร่างกายด้วยวิตามิน
การบำรุงร่างกายด้วยวิตามินเป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่ม REM Sleep โดยเสริมด้วยสมุนไพรธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความเครียด หรือการดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ ก่อนนอนเพื่อให้ระบบประสาทผ่อนคลาย โดยสารอาหารเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลการทำงานของร่างกายและสมอง ส่งผลให้คุณภาพของ REM Sleep ดีขึ้น
5. เลือกใช้ที่นอนคุณภาพสูง
การเลือกใช้ที่นอนคุณภาพสูงส่งผลโดยตรงต่อ REM Sleep เพราะที่นอนที่เหมาะกับสรีระจะช่วยรองรับกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อได้อย่างเหมาะสม จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย โดยเฉพาะที่นอนนุ่ม ๆ ที่สามารถกระจายน้ำหนักร่างกายได้อย่างสมดุล จะช่วยลดจุดกดทับและความไม่สบายที่อาจรบกวนการนอน ทำให้ไม่ต้องพลิกตัวบ่อยระหว่างคืนและเข้าสู่ช่วง REM Sleep ได้นานขึ้น
อันตรายจากการนอนหลับไม่เพียงพอที่อาจส่งผลเสียโดยไม่รู้ตัว
การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเมื่อร่างกายขาดช่วง REM Sleep เพราะอาจส่งผลเสียต่าง ๆ ต่อการทำงานของร่ายกายได้ ดังนี้
- สมองทำงานไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา
- ความจำเสื่อมถอย ทำให้การเรียนรู้และการจดจำข้อมูลใหม่ ๆ ยากขึ้น
- เกิดอาการง่วงนอนระหว่างวัน รบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ
- ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง และภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
“ที่นอน” อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพื่อคุณภาพในการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ
REM Sleep คือช่วงเวลาที่สำคัญต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะในช่วงนี้สมองจะประมวลข้อมูล ฟื้นฟูความจำ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การมี REM Sleep เพียงพอจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ และส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพการนอนคือ การเลือกที่นอนที่เหมาะสม
ถ้าคุณกำลังมองหาที่นอนคุณภาพสูงหรือที่นอนแก้ปวดหลัง รวมถึงที่นอนที่มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อการนอนหลับที่ดี SleepHappy มีที่นอนจากหลากหลายวัสดุ รวมทั้งที่นอนที่เป็นสุดยอดนวัตกรรมอย่างรุ่น Atlantis MAX ที่ผสมผสานยางพาราธรรมชาติกับ Dynamic Cooling MAX Fabric และ Pocket Spring 7 Zone ช่วยรองรับสรีระตามส่วนโค้งเว้าของร่างกาย และให้ความเย็นตั้งแต่สัมผัสแรก เพื่อรองรับการนอนหลับที่สมบูรณ์แบบ
