วิธีทำความสะอาดที่นอนง่าย ๆ ให้สะอาดเหมือนใหม่

วิธีทำความสะอาดที่นอนง่าย ๆ ให้สะอาดเหมือนใหม่

ที่นอนที่สะอาดและมีคุณภาพดี ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ตรงกันข้ามกับ ที่นอนสกปรก เป็นคราบเหลือง ซึ่งไม่น่ามองและไม่น่าใช้งาน อีกทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น แบคทีเรีย และไรฝุ่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว

เพื่อให้การนอนหลับเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง บทความนี้ได้รวบรวมวิธีทำความสะอาดที่นอนแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อคืนความสะอาด สดชื่น และยืดอายุการใช้งานของที่นอนให้เหมือนใหม่อีกครั้ง

สารบัญบทความ

 

ที่นอนสกปรก เกิดจากสาเหตุอะไร?

ที่นอนสกปรก เกิดจากอะไร

ที่นอนที่ดูเหมือนสะอาด อาจไม่สะอาดอย่างที่คิด เพราะภายในเส้นใยผ้าหรือชั้นฟองน้ำอาจมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสะสมอยู่โดยที่มองไม่เห็น ในหัวข้อนี้จึงรวบรวมสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ที่นอนสกปรก ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน

สาเหตุจากเหงื่อและน้ำมันบนร่างกาย

ทุกครั้งที่นอน ร่างกายจะขับเหงื่อและน้ำมันตามธรรมชาติออกมา แม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสะสมเป็นเวลานาน เหงื่อและน้ำมันเหล่านี้จะซึมลงในเนื้อผ้าและฟองน้ำของที่นอน ทำให้เกิดคราบเหลือง กลิ่นอับ และเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ทำให้ที่นอนสกปรกได้ในที่สุด

คราบจากอาหารและเครื่องดื่ม

หลายคนชอบรับประทานอาหารหรือจิบกาแฟบนเตียง โดยไม่รู้ว่าคราบที่หกเพียงเล็กน้อยสามารถซึมเข้าสู่เนื้อผ้าที่นอนได้ง่าย คราบเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ที่นอนสกปรก หรือมดขึ้นที่นอนเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และส่งผลต่อสุขอนามัยในระยะยาว

ฝุ่น ไรฝุ่น และเชื้อรา

บางครั้งเมื่อดูด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นว่าที่นอนจะสกปรก แต่ทำไมนอนแล้วคัน ผื่นขึ้น หรือมีอาการคัดจมูกบ่อย ๆ? สาเหตุหนึ่งมักมาจากฝุ่น ไรฝุ่น ตัวเรือด หรือเชื้อราที่มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็น สิ่งเหล่านี้สามารถสะสมอยู่ในเส้นใยผ้าและฟองน้ำได้ง่าย โดยฝุ่น ไรฝุ่น และเชื้อราที่สะสมมักก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ง่าย

ความชื้นสะสมทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโต

ความชื้นเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ที่นอนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและเชื้อราได้ง่าย โดยเฉพาะในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือมีการตากผ้าในห้องนอน ความชื้นจะซึมเข้าสู่เนื้อผ้าที่นอนและคงอยู่เป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดกลิ่นอับและมีเชื้อราในที่สุด

 

เปลี่ยนที่นอนสกปรกให้สะอาดด้วยตัวเอง ลองทำตามวิธีเหล่านี้ได้เลย

ทำความสะอาดที่นอน

หลายคนอาจรู้สึกว่าที่นอนสกปรกมากแล้ว อยากจะทำความสะอาดเตียง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรซักที่นอนยังไงดี? เราขอแนะนำ 9 วิธีทำความสะอาดที่นอนสกปรก ให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งด้วยตนเอง ดังนี้

ใช้เครื่องดูดฝุ่น/ไรฝุ่น

การใช้เครื่องดูดฝุ่น ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยขจัดฝุ่นละออง เศษผม และไรฝุ่นที่สะสมอยู่บนพื้นผิวที่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดที่นอนได้บ่อย ๆ เท่าที่ต้องการ เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจก่อสารภูมิแพ้ ทั้งนี้ ควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นแบบหัวแปรงอ่อน เพื่อป้องกันที่นอนเสียหาย และควรดูดฝุ่นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม

ซักที่นอนด้วยน้ำและผงซักฟอก (หรือตามชนิดที่นอนกำหนด)

หากที่นอนสามารถซักน้ำได้ ควรใช้น้ำอุ่นผสมผงซักฟอกสูตรอ่อนโยน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับวัสดุของที่นอน แล้วตากให้แห้งสนิท แต่หากที่นอนไม่สามารถซักได้ แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดให้ทั่วที่นอน หลีกเลี่ยงการเทน้ำลงโดยตรง เพราะอาจทำให้ความชื้นซึมลึกและเกิดเป็นเชื้อราได้

นำที่นอนไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อ

การนำที่นอนสกปรกไปตากแดด เป็นการใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในที่นอนของเรา แนะนำว่าควรนำที่นอนไปตากแดดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระหว่างนั้นให้คอยพลิกที่นอนกลับไปมา เพื่อให้ที่นอนสัมผัสกับแดดอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดจัดเป็นเวลานานเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าและฟองน้ำเสื่อมสภาพ

ใช้เบกกิ้งโซดาขจัดคราบและกลิ่น

เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติช่วยดูดกลิ่นและขจัดคราบได้ดี เพียงโรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วพื้นผิวที่นอน ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด จะช่วยลดกลิ่นอับชื้น และทำให้ที่นอนกลับมาหอมสดชื่นเหมือนใหม่ กรณีที่ใช้กำจัดคราบบนที่นอนสกปรก ให้นำเบกกิ้งโซดาผสมกับเกลือและน้ำเปล่า ก่อนนำส่วนผสมทาไว้บนคราบ ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ

น้ำส้มสายชูหรือผสมน้ำอุ่นฆ่าเชื้อโรค

น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี โดยให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่น จากนั้นปล่อยให้แห้งสนิท หรือใช้พัดลมเป่าเพื่อลดความชื้นบนที่นอน

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือน้ำมะนาวขจัดคราบ

การขจัดคราบเลือดเก่าบนที่นอน หรือคราบเหลืองบนที่นอน สามารถใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์แต้มลงบนจุดที่เป็นคราบ ทิ้งไว้สักพักก่อนเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือใช้น้ำมะนาวแทนได้ ในกรณีที่ต้องการใช้วัสดุธรรมชาติ ทั้งสองวิธีมีฤทธิ์ช่วยสลายคราบ และคืนความขาวสะอาดให้ที่นอนได้ และยังปลอดภัยต่อสุขภาพ

โรยแป้งเด็กเพื่อดูดความชื้นและกลิ่น

แป้งเด็กช่วยดูดซับกลิ่นและความชื้นออกจากเตียงได้ และยังทิ้งกลิ่นอ่อน ๆ เอาไว้ด้วย ซึ่งสามารถใช้แป้งเด็กทำความสะอาดที่นอนได้โดยการโรยแป้งเด็กให้ทั่วที่นอน จากนั้นปล่อยทิ้งไว้สักพักแล้วดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น จะช่วยให้ที่นอนหอมและลดความชื้นได้

เช็ดหรือขัดด้วยผ้าสะอาดหรือแปรง

อีกวิธีเบสิกในการทำความสะอาดที่นอนสกปรกคือใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือแปรงขนนุ่มขัดเบา ๆ ตามพื้นผิวที่นอน โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบฝังแน่น วิธีนี้ช่วยขจัดคราบที่เครื่องดูดฝุ่นไม่สามารถกำจัดได้ และยังช่วยรักษาสภาพเนื้อผ้าให้เรียบเนียน ไม่เป็นขุย

ใช้แอลกอฮอล์หรือเอนไซม์ทำความสะอาดจุดที่มีเชื้อรา

หากพบจุดเชื้อราบนที่นอน ให้ใช้สำลีหรือผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณนั้นเบา ๆ หรือนำเอนไซม์ทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติย่อยสลายโปรตีนมาใช้แทน แอลกอฮอล์จะช่วยฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย ส่วนเอนไซม์ช่วยสลายคราบเชื้อราที่ฝังแน่นได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำลายเนื้อผ้า


การปล่อยให้ที่นอนสกปรก ก่อให้เกิดผลเสียอย่างไร?

ที่นอนเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราต้องใช้ทุกวัน และเป็นพื้นที่ที่ร่างกายใช้เวลาอยู่มากกว่า 1 ใน 3 ของวัน การปล่อยให้ที่นอนสกปรกจึงอาจสร้างผลกระทบได้มากกว่าที่คิด ทั้งในเรื่องบรรยากาศภายในห้องนอน และในเรื่องของสุขอนามัยในระยะยาว โดยผลเสียที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้

  • ทำให้ห้องนอนแลดูสกปรก บรรยากาศไม่น่าอยู่
  • ก่อให้เกิดภูมิแพ้ จากฝุ่นและไรฝุ่นที่สะสมบนที่นอนเป็นเวลานาน
  • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จากอาการคันหรือการไอจามจากภูมิแพ้
  • การเกิดสิวหรือผดผื่น ตามใบหน้าและลำตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

 

เปลี่ยนที่นอนสกปรกให้สะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพการพักผ่อน

หากต้องนอนบนที่นอนสกปรกในทุก ๆ วัน ย่อมส่งผลต่อคุณภาพการนอนและสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้และปัญหาผิวหนัง การดูแลทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเลือกใช้ที่นอนที่มีคุณภาพดี ยังช่วยให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น เพราะวัสดุที่ดีจะช่วยลดการอับชื้น ป้องกันการสะสมของไรฝุ่น และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน

เลือกซื้อที่นอนจาก SleepHappy เพื่อยกระดับคุณภาพการพักผ่อนที่ดีกว่า ด้วยการผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง พร้อมคุณสมบัติลดกลิ่นอับ ป้องกันไรฝุ่น ลดการสะสมของเชื้อโรค อีกทั้งยังดูแลทำความสะอาดง่าย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกค่ำคืนคือช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง ที่นอนสะอาด นอนสบาย เสริมสุขภาพการนอนที่ดีในระยะยาว

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ควรทำความสะอาดที่นอนบ่อยแค่ไหน?

ควรทำความสะอาดที่นอนด้วยการดูดฝุ่น ซักผ้าปูที่นอน และตากแดดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สำหรับการทำความสะอาดใหญ่อย่างการขจัดคราบและกลิ่นอับควรทำอย่างน้อย 1-3 เดือนครั้ง ส่วนกรณีคราบสกปรกที่มองเห็นชัดเจน เช่น คราบเลือด แมวฉี่ใส่ที่นอน หรือคราบจากอาหาร ให้ทำความสะอาดทันที

ทำความสะอาดที่นอนด้วยสารเคมีปลอดภัยไหม?

การทำความสะอาดที่นอนสกปรกด้วยสารเคมี จะช่วยขจัดคราบและสิ่งสกปรกออกจากที่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน เนื่องจากสารเคมีอาจทำลายวัสดุที่นอน หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้